อันตรายจากการย้อมผมเคมี

การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้เส้นผมที่ผ่านสารเคมีไม่แข็งแรง หลุดร่วงได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะระคายเคือง ส่งผลให้เป็นแผล หนังศีรษะแห้ง และอาจนำไปสู่โรคมะเร็งหนังศีรษะได้ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผม ทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดร่วงได้ง่าย ส่วนคนที่เคยย้อมอยู่แล้ว ก็ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี เพราะอาจทำให้สารเคมีเข้าไปสะสมในร่างกายได้

ยาย้อมผมตามท้องตลาดมี 3 ประเภท

1. ประเภทสีชั่วคราว ซึ่งประเภทนี้ถ้าสระผมแล้วสีก็จะหายไป เนื่องจากว่าเป็นการเคลือบสีเส้นผมชั้นนอก
2. ประเภทสีกึ่งถาวร หรือเรียกว่าสีโกรกผม สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30 % ซึ่งถ้าสระผม 5-6 ครั้งก็จะค่อยๆ หลุดออกไปทีละนิด
3. ประเภทสีย้อมถาวร หรือเรียกว่าสีย้อมผม ซึ่งสีประเภทนี้จะติดผมและปกปิดผมได้ และสระแล้วสีไม่ลอกออก แต่วิธีนี้มีงานวิจัยระบุว่าจะทำให้ขนาดของโครโมโซมในร่างกายเสียหาย ถ้าย้อมบ่อยๆ จะทำให้เซลล์กลายพันธุ์หรืออาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้

น้ำยาย้อมผมประกอบด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง 5 ตัวหลักๆ ดังนี้ (ข้อมูลจาก www.thaihealth.or.th)

1. สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ เป็นสารฟอกสีผมและฆ่าเชื้อโรค จึงมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นผม กัดสีผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบและระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตลอดจนทำให้เส้นผมแห้งเสียได้

2. สารฟีนิลินไดอะมีน หรือสีย้อมผมชนิดถาวรนั้นเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะแล้ว อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และหากสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้

3. แอมโมเนีย ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สีย้อมผมติดผมนั้น ขณะเดียวกันสารดังกล่าวยังมีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง ที่สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะได้ จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเสียผมร่วง และทำให้รากผมอ่อนแอลง

4. สารซิลเวอร์ไนเตรต เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการปกปิดผมขาว โดยตัวสารนี้เมื่ออยู่บนหนังศีรษะ จะทำปฏิกิริยากับอากาศแล้วเปลี่ยนให้เส้นผมกลายเป็นสีดำ ซึ่งสารตัวดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการระคาย หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้

5. สารเลดอะซีเตด เป็นสารตะกั่วที่ใช้ในครีมปกปิดผมขาว ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก เช่นเดียวกับสารซิลเวอร์ไนเตรต และเนื่องจากสารตะกั่วนี้มีคุณสมบัติคล้ายกับสารตะกั่วที่ผสมในน้ำมันในอดีต ดังนั้น หากสะสมในร่างกาย อาจทำรายสมองและประสาทสัมผัสได้ ที่สำคัญสารนี้ยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน

เคล็ดลับย้อมผมให้ปลอดภัย

1. เลือกผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย
2. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง
3. ไม่ควรมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นเกินกว่า 6%
4. ควรเว้นระยะห่างในการทำสีผม
5. ใช้สมุนไพรเป็นตัวช่วยในการล้างพิษจากสารเคมีหลังการทำสี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นหลัก เช่น เฮนน่าหรือเทียนกิ่ง ซึ่งในวงการเครื่องสำอางจะนำมาใช้ทำเป็นยาย้อมสีผมและบำรุงเส้นผม โดยเฮนน่าจะให้สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลแดง หรือสีแดงปนสีส้ม ซึ่งสรรพคุณสามารถช่วยป้องกันเส้นผมจากแสงแดดได้อีกด้วย

เฮนน่า คือ อะไร

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า น้ำยาย้อมผมแบบถาวร ซึ่งใช้สารเคมีล้วนๆ มาฟอกเม็ดสีผมเดิมออกแล้วใส่สารเคมีที่ทำให้เกิดสีใหม่ลงไป เป็นประเภทได้รับความนิยมใช้มากที่สุด แต่น้ำยาย้อมสีผมประเภทนี้ ทำให้หนังศีรษะดูดซึมเอาสารเคมีไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนมีอาการระคายเคืองน้อยถึงมาก ซึ่งหลายคนมักคิดว่าการย้อมผมเสี่ยงเฉพาะผิวหนังศีรษะอักเสบและมะเร็งหนังศีรษะ

ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผม ทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดล่วงได้ง่าย ส่วนคนที่เคยย้อมอยู่แล้ว ก็ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี เพราะอาจทำให้สารเคมีเข้าไปสะสมในร่างกาย
เรื่องของความสวยความงามก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต้องศึกษากันเอาไว้ เพราะบางครั้งการทำอะไรที่มันมากเกินไปอาจเกิดปัญหาหรืออันตรายต่อสุขภาพได้ สวยได้แต่ต้องรู้จักความพอดีด้วยนะค่ะ

ถ้ามีอาการแบบนี้ เลิกทำสีผมด่วน ถ้าคุณยังรักสุขภาพ

สาวๆ ที่ชอบทำสีผมทั้งหลาย ระวังสัญญาณร้ายเหล่านี้เอาไว้ให้ดีนะคะ เพราะถ้าเกิดขึ้นกับคุณล่ะก็ ต้องรีบหยุดการทำสีผมและการทำร้ายผมโดยด่วน!

เพราะเป็นสาเหตุที่บ่งบอกว่าผมของคุณกำลังอยู่ในสภาพแย่ พร้อมที่จะหัวล้านได้ทุกเมื่อ แค่คิดก็หลอนแล้ว ถ้าไม่อยากต้องใส่วิกก่อนวัยอันควร อ่านด่วนๆ แล้วสังเกตตัวเองด้วยนะจ๊ะ…

1. ผมหงอกขึ้นเร็วกว่ากำหนด

เพราะการทำสีผม จะเข้าไปกัดให้เม็ดสีที่เคยเข้มของเราถูกทำให้สว่างขึ้น ซึ่งมันก็ผิดธรรมชาติอยู่นะคะ ยิ่งถ้ากัดสีจนขาวก็ยิ่งทำให้เม็ดสีผมถูกทำร้ายอย่างหนัก วันดีคืนดีสารที่ตกค้างอยู่ก็เข้าไปในรากผมทำให้ผมที่งอกมาใหม่กลายเป็นสีขาวซะอย่างนั้น นั่นคือที่มาของอาการผมหงอกก่อนวัย แล้วคิดดูว่าถ้าเรายังฝืนทำสีผมไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ขาวทั้งหัวล่ะจ้า หยุดเถอะ!

2. ผมร่วงจนสังเกตเห็นได้ชัด

ยิ่งเราใช้สารเคมีกับผมบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีข้อเสียตามมาเท่านั้น ทั้งสารเคมีจากการทำสีผม ดัดผม ยืดผม ต่อให้สระยังไงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ตกค้างอยู่เลย พอตกค้างมากๆ ก็ทำปฏิกิริยากกับผม จนเกิดอาการร่วงง่าย รากผมไม่แข็งแรง รู้ตัวอีกทีก็อาจจะผมร่วงจนแก้ยากแล้วนะ พักผมก่อนจะร่วงจนหมดน่าจะดีกว่าค่ะ

3. เริ่มมองเห็นหนังศีรษะ

บางทีเวลาผมร่วงหรือผมบางลง เราอาจจะไม่ทันสังเกตตัวเองเท่าไหร่ แต่ถ้าส่องกระจกแล้วเริ่มมองเห็นหนังศีรษะชัดเจน ก็ควรเริ่มตกใจได้แล้วนะคะ เพราะนั่นหมายความว่าผมของเราเริ่มบางจนปิดหนังศีรษะไม่มิดแล้วนั่นเอง หยุดพักการทำสีผมด่วนๆ แล้วบำรุงผมหรือปรึกษาแพทย์ได้แล้วน้า

4. คันหัวและมีรังแค

บางคนเริ่มมีอาการคันหัว และมีรังแค หรือหนังศีรษะลอก แต่อาจจะไม่ทันคิดว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพราะการทำสีผมมากเกินไป ซึ่งจริงๆ แล้วนอกจากจะเป็นเรื่องความสะอาดอย่างที่หลายคนเข้าใจ สาเหตุก็อาจจะเป็นเพราะสารเคมีตกค้างด้วยนะคะ ดังนั้นถ้าลองรักษาความสะอาดแล้วยังมีอาการคันหัวและรังแคอยู่ บอกเลยว่าหยุดทำสีผมแล้วรีบรักษาด่วนเลยจ้า

5. ผมแห้งกรอบแค่หวีก็ขาด

เรียกว่าแทบจะเป็นสิ่งที่คนทำสีผมทุกคนต้องเจอเลยทีเดียว สำหรับอาหารผมแห้งกรอบ ชี้ฟู และขาดร่วงง่าย เพราะยิ่งเรากัดสีผม ทำสีผมมากเท่าไหร่ ผมที่เคยสุขภาพดีก็จะถูกทำร้ายด้วยสารเคมีจนกลายเป็นผมเยินๆ แทน ถ้าจะรักษาให้ได้ผลดีที่สุดก็คือตัดทิ้งแล้วเริ่มต้นใหม่ แต่นั่นหมายความว่าต้องหยุดทำสีด้วยนะจ๊ะ โอเค๊?!

ไพรทอง สมุนไพรปิดผมขาว ธรรมชาติ 100%